SEO คืออะไรกันแน่ ทำไม ? คนบนโลกออนไลน์ ต่างพูดถึง
สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้ง สำหรับเพื่อนๆ ชาว rungwat วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ
ก็หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าเพื่อนๆทุกคนจะอ่านจนจบนะฮะ
เอาเถอะ นอกเรื่องไปเยอะแล้ว ทีนี้..เรามาเข้าเรื่องของเราวันนี้กันดีกว่า !!
มีคนถามผมบ่อยมาก เกี่ยวกับเรื่อง การทำSEO คืออะไร แล้วทำไม ธุระกิจบนโลกออนไลน์ ต่างพูดถึงกันมากมาย
ถ้าพูดกันแบบ ง่ายๆ SEO ก็คือการทำอันดับให้ติดบน Search Engine โดยแบบธรรมชาติ นั่นเองครับ
ถ้ายังไม่รู้ว่า เสิร์ชเอนจิน หน้าตาเป็นยังไง รูปข้างล่างเลย
การที่เราจะทำให้ติดหน้า Google จะมีอยู่ประมาณ 2 วิธีใหญ่ๆ คือ
1.การลงโฆษณาโดยตรงกับ Google ซึ่งเรียกว่าการทำ Adwords นั่นเองครับ
(ข้อดี)
• มีเงิน มีเว็บ ลงได้ทันทีไม่ต้องรอ setup campaign ก็ขึ้นได้เลย
• สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับตลาดของคุณได้
• เงินลงทุนเริ่มต้นสามารถกำหนดได้เอง จะจ่ายเท่าไรก็ได้
• มีความยืดหยุ่นสูง เปลี่ยนข้อความโฆษณา ได้ตลอดเวลา
(ข้อเสีย)
• ถ้าเว็บ หรือ เพจ ไม่มีดี โฆษณาอาจจะออกมาไม่มีคุณภาพ
• การคอนโทรลคีย์เวิร์ดรักษาอันดับไม่ได้ เปลี่ยนตลอดเวลา
• โฆษณาของคุณพร้อมหายได้ทุกวินาที ถ้างบหมด ก็ ปริวหายไปกับตา !
• ในกรณี set มั่ว set ไม่ดี งบอาจจะบานปลาย และเสียค่าคลิกแพงกว่าที่ควรจะเป็น 3-10 เท่า
2.การทำ SEO < ติดแบบธรรมชาติ ไม่ได้เสียเงินโฆษณาแต่อย่างใด
(ข้อดี)
• การทำ SEO ถูกกว่าการทำโฆษณาแบบอื่นมาก
• การทำ SEO ช่วยให้ได้ลูกค้าตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
• การทำ SEO ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของเรา
• ช่วยให้เว็บไซต์ของเรา เหนือกว่าคู่แข่งในประเภทธุรกิจเดียวกัน
• ช่วยเพิ่มช่องทางการตลาด แบบไม่จำกัด จะทำกี่เว็บ ก็ได้ “เหมือนเปิดหลาย ๆ สาขา “
(ข้อเสีย)
• เวลาแก้ไขข้อความโฆษณา นาน ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาเก็บข้อมูลอีกทีวันไหน
• ความไม่แน่นอนของอันดับ ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ซึ่งขนาดนี้ 2017 น่าจะปรับเป็นแบบ real time
• Google มีการปรับ Algorithm อยู่เสมอ ดังนั้นจะทำให้เว็บไซต์ สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับเว็บอื่นๆได้ทุกเมื่อ
เรียนรู้ Algorithm Google เพิ่มเติม : PENGUIN 4.0 UPDATE แบบ REALTIME
มาดูปัจจัยที่มีผลกับ SEO แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก
1.ปัจจัยภายในเว็บไซต์ (On Page SEO)
• ออนเพจ ถ้าพูดจะพูดแบบเปรียบเปรย ก็คงจะเป็น ร้านอาหาร หรู ๆ ละมั้ง ปรับร้านให้สวย เพลงเพาะ อาหารอร่อย อากาศดี ที่จอดหาง่าย จะเดินเข้าห้องน้ำ ก็มีป้ายบอก ไม่ต้องเดินถาม “เจอร้านแบบนี้ใครๆก็ชอบ ก็เหมือนกับ ลูกค้า ถ้าเจอร้านดี ๆ บริการดี ๆ เดียวก็มาอีก ถ้าโชคดี อาจจะบอกเพื่อนต่อ “
2.ปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ (Off Page SEO)
• ออฟเพจ ถ้าพูดจะพูดแบบเปรียบเปรยอีกครั้ง ก็คงจะเป็น ร้านอาหารเหมือนกันนั่นแหละ ต่อให้ร้านคุณสวย อาหารอร่อย อากาศดีแค่ไหน แต่ไม่มีคนรู้จัก ก็คงจะไร้ประโยชน์จริงใช่ไหม Off page ก็คือ การประชาสัมพันธ์นั่นเองครับ ติดแบนเนอร์ตามเว็บต่าง ๆ ไปรีวิวสินค้า ตามเว็บอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วชี้กลับมาเว็บไซต์ของเรา หรือเรียกกันภาษา SEO ว่า Backlink นั่นเองครับ
(ในกรณี On-page ดี อาจจะมีลูกค้า ทำให้ก็ได้ เพราะอาจจะประทับใจ จนต้องมาเขียน รีวิวให้)
3.เนื้อหาข้องบทความ (Content)
• คอนเทนท์ ข้อนี้พูดแบบง่าย ๆ ถ้าเขียนดี ชวนให้คนติดตาม อย่างน้อย ๆ คนก็จะกลับเข้ามาอ่านใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าดี คือคนจะแชร์ และ บอกต่อ ทีนี้คนก็จะเข้าเว็บเพิ่ม *2 -3 กันเลยทีเดียว
เทคนิคการทำSEO จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท
- White Hat SEO – เทคนิคที่เครื่องมือค้นหาแนะนำให้เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบที่ดี (สายขาว)
- Black Hat SEO – ไม่สนวิธีการ ขอให้อันดับขึ้นก็พอ (สายดำ)
White Hat SEO
- มีการปรับโครงสร้างเว็บที่ดี
- ไม่หลอกลวง User หน้าเว็บดีมีคุณภาพ
- มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ไม่ซ่อนข้อความ เพื่อให้อันดับดีขึ้น
- นิยาม หรือการทำ SEO แบบสายขาว ก็คือ การทำเว็บให้มีคุณภาพ มีประโยชน์ต่อผู้ใช้ ไม่หลอกลวง User ไม่สแปมลิ้ง
- Unique, high-quality, unduplicated content is the king.
Black Hat SEO
- สแปม link ในเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้อง กลับมาหาเว็บไซต์ตัวเอง
- ซ่อน บทความเอาไว้ภายในหน้าเพจนั้นๆ
- สแปม Text หรือ คีย์เวิด จนมากเกินไป keyword density
- ก๊อบบทความคนอื่น ใช้บทความซ้ำๆ
สิ่งที่ไม่ควรทำ
– Bad Backlinks
อย่าลืมไปเพิ่ม Backlinks เยอะๆ โดยที่ไม่นึกถึงคุณภาพของเว็บ ไม่ได้ช่วยทำให้ SEO ดีขึ้น ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยงการทำลิ้งกับเว็บที่ไม่มีคุณภาพ
– Duplicate Content
การมีบทความซ้ำๆ Google จะมองว่าเว็บไซต์ต้นทางที่ลิงค์มาหาเรา หรือเว็บไซต์ของเรานั้น ไม่มีคุณภาพ
– Websites Unrelated
ทำ Link กับเว็บที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน Google จะลดความสำคัญของลิงค์ที่ถูกส่งมา โดยจะลดความสำคัญของลิงค์
– Spam comments
ไปตอบ Comments แล้วแทรก Link ของเว็บเราเข้าไป ในกรณีแบบนี้ ถ้าทำเยอะหรือเร็วไป อาจจะมีปัญหาได้ในอนาคต
ในกรณี โดนแกล้ง โดนสแปมลิ้ง แนะนำให้เข้าไปถอดออกที่ Google Search Console
*ส่วนวันนี้ผมก็ขอจบบทความนี้เพียงเท่านี้นะครับ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะมีประโยชน์กับ ธุรกิจของทุกคนนะครับ ♥